จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ รัฐบาลเร่งบูรณาการทุกกระทรวงเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง กระทรวงสาธารณสุข เร่งฟื้นฟูโรงพยาบาลหาดใหญ่ให้กลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยระบบไฟฟ้า น้ำประปา และก๊าซทางการแพทย์ใช้งานได้แล้ว พร้อมวางแผนเปิดบริการเต็มรูปแบบภายใน 1 เดือน และเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่ม 2 แห่ง รวมถึงจุดบริการผู้ป่วยนอกที่เซ็นทรัล หาดใหญ่ ขณะเดียวกัน Mini-MERT และทีมเดินเท้าลงพื้นที่ต่อเนื่อง รวมทั้งดูแลสุขภาพจิตผู้ประสบภัย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประสานการดูแลผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ทั้งการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (HD) หรือทำการล้างไตทางช่องท้อง (PD) โดยจัดส่งน้ำยาล้างไตถึงที่พักใหม่ผ่านไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น และเตรียมรถฟอกไตเคลื่อนที่สำหรับพื้นที่ที่เดินทางไม่ได้
ให้สายด่วน 1330 ติดตามผู้ป่วยในพื้นที่เสี่ยง และย้ำว่าสิทธิบัตรทองไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม กระทรวงอุตสาหกรรม ออกมาตรการ “พักหนี้–ดีพร้อมช่วยฟื้น” ให้ SME พักชำระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ และขอกู้ฉุกเฉิน 0% สูงสุด 500,000 บาท รวมถึงทางเลือกรีไฟแนนซ์สำหรับรายที่ได้รับผลกระทบรุนแรง สั่ง DIPROM ลงพื้นที่ช่วยซ่อมและเสริมสภาพคล่อง กระทรวงคมนาคม ตั้งศูนย์ “คมนาคมร่วมใจช่วยรถน้ำท่วม” ให้บริการตรวจ–ซ่อมรถเบื้องต้น ให้ข้อมูลศูนย์บริการ และเปิดพื้นที่จอดรถฟรี 70 คัน โดยร่วมกับค่ายรถยนต์และสถาบันอาชีวะ และจัดรถรับ–ส่งประชาชนฟรี 4 เส้นทางเชื่อมศูนย์พักพิง ม.อ. ไปยังสนามบินและสถานีขนส่ง กระทรวงศึกษาธิการ โดย
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เปิด “Fix It Center” ให้บริการซ่อมรถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อาชีพ แล้ว 6 ศูนย์ และกำลังขยายให้ครบ 50 ศูนย์ โดยมีครู–นักศึกษาอาชีวะกว่า 600 คนลงพื้นที่ และเตรียมประสาน สพฐ. ช่วยโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบ กระทรวงแรงงาน ได้ออก 7 มาตรการช่วยเหลือ ทั้งจ้างงานเร่งด่วน 300 บาท/วัน กู้ดอกเบี้ยต่ำ ฟื้นฟูอุปกรณ์ทำกิน ซ่อมเครื่องมือ และช่วยกิจการที่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังมีมาตรการดูแลนายจ้าง–ผู้ประกันตน เช่น เงินว่างงานเหตุสุดวิสัย 50% สูงสุด 180 วัน สินเชื่อรักษาการจ้างงาน และขยายเวลานำส่งเงินสมทบ 6 งวด ช่วยลดภาระช่วงเกิดภัยพิบัติ
รายละเอียด
(30 พ.ย. 68) นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้คือการฟื้นฟูโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบให้กลับมาให้บริการผู้ป่วยได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด โดยในส่วนของโรงพยาบาลหาดใหญ่ ทีมช่างจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้เข้าช่วยฟื้นฟู ขณะนี้ระบบไฟฟ้า น้ำประปา และก๊าซทางการแพทย์ ใช้งานได้ปกติ สามารถให้บริการผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยฉุกเฉิน (พื้นที่ชั่วคราว) และการแพทย์ทางไกลได้ และมีแผนฟื้นฟูให้กลับมาบริการเต็มศักยภาพภายใน 1 เดือน โดยสัปดาห์แรกจะเปิดบริการห้องฉุกเฉิน แผนกผู้ป่วยนอก และห้องปฏิบัติการบางส่วน สัปดาห์ที่ 1-2 ขยายแผนกผู้ป่วยใน ผู้ป่วยวิกฤติ ห้องผ่าตัด คลินิกพิเศษเฉพาะทางนอกเวลาราชการ และเพิ่มแผนกผู้ป่วยนอกเฉพาะทาง และสัปดาห์ที่ 3-4 ให้บริการเต็มระบบ ขณะที่ รพ.สต.ภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในอำเภอหาดใหญ่ ที่ได้รับผลกระทบ 16 แห่ง เหลือปิดบริการ 1 แห่ง ที่ รพ.สต.คลองแห
สำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายสิทธิบัตรทองที่ต้องฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (HD) หรือทำการล้างไตทางช่องท้อง (PD) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมให้บริการผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง บูรณาการความร่วมมือของโรงพยาบาล สมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย และบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด จัดส่งน้ำยาล้างไตให้ผู้ป่วย โดยผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง (PD) ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เช่น บ้านน้ำท่วมจนอยู่อาศัยไม่ได้ ต้องย้ายไปอยู่ศูนย์อพยพหรือบ้านญาติ โดยที่น้ำยาล้างไตถูกน้ำท่วมเสียหาย หรือไม่สามารถเก็บรักษาได้ตามมาตรฐาน บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด สามารถจัดส่งน้ำยาล้างไตไปให้ยังที่พักใหม่ของผู้ป่วยได้ โดยขอให้ผู้ป่วยหรือญาติดำเนินโทรแจ้งที่อยู่ใหม่กับ สปสช. สายด่วน 1330 (โทรฟรี 24 ชั่วโมง)
นอกจากนี้ สปสช. ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สายด่วน 1330 โทรและส่ง SMS แจ้งผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย
ในพื้นที่น้ำท่วม เพื่อสอบถามผลกระทบและให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด สำหรับผู้ป่วยที่ยังสามารถอาศัยอยู่ในบ้านได้ และไปรษณีย์สามารถเข้าพื้นที่ทางเรือหรือช่องทางอื่นได้ จะได้รับน้ำยาล้างไตส่งถึงบ้านตามปกติ ขณะนี้ได้เริ่มโทรประสานและส่ง SMS ผู้ป่วยไต โดยเริ่มจากพื้นที่ จ.สงขลา แล้ว จำนวน 284 ราย
โดยเน้นย้ำว่า ผู้ป่วยไตสิทธิบัตรทองไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายจากการเปลี่ยนหน่วยฟอกไต การฟอกไตที่หน่วยสำรอง หรือการจัดส่งน้ำยาล้างไตไปยังที่พักใหม่ รัฐบาล โดย สปสช.จะดูแลสิทธิประโยชน์และการเบิกจ่ายให้ตามหลักเกณฑ์กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สั่งการให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) เร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยออกมาตรการ “พักหนี้–ดีพร้อม
ช่วยฟื้น” เพื่อบรรเทาภาระการเงินและเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการกลับมายืนได้อีกครั้ง ประกอบด้วยมาตรการ
• พักชำระหนี้ต้น–ดอก สูงสุด 4 เดือน สำหรับลูกหนี้เดิม
• ปรับลดค่างวด – ขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้นานขึ้น (ไม่เกิน 2 ปี)
• ลูกหนี้รายใหม่ขอสินเชื่อ “เงินง่าย ฟื้นได้ ช่วยภัยพิบัติ” วงเงินรายละไม่เกิน 5 แสนบาท ดอกเบี้ย 0%
นาน 6 เดือนแรก
• พักชำระหนี้ดอกเบี้ยอีก 3 เดือน สำหรับรายที่ต้องการบรรเทาเร่งด่วน
• กรณีลูกหนี้เดิมที่ได้รับผลกระทบหนัก สามารถขอ รีไฟแนนซ์ (Refinance) ลดภาระดอกเบี้ยได้
และยังสั่งการให้ DIPROM ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูกิจการที่ได้รับความเสียหาย ช่วยปรับปรุง ซ่อมแซม สร้างสภาพคล่อง ให้โอกาสผู้ประกอบการกลับมาดำเนินธุรกิจต่อโดยเร็ว
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการกรมการขนส่งทางบกบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องยานพาหนะซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง
กรมการขนส่งทางบก จึงได้จัดตั้ง ศูนย์ประสานงาน “คมนาคมร่วมใจช่วยรถน้ำท่วม” ขึ้น ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา แห่งที่ 1 (อ.เมืองสงขลา) โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ศูนย์ฯ แห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายข่าวสาร รวมถึงประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำความปลอดภัย และให้บริการซ่อมแซมรถเบื้องต้นซึ่งได้รับความร่วมมือจาก สำนักคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และค่ายรถยนต์ชั้นนำ อาทิ TOYOTA, ISUZU, MITSUBISHI, HONDA, Mercedes Benz, BMW, MAZDA, NISSAN, DEEPAL, SUZUKI, BYD, MG, GWM, YAMAHA รวมถึงพันธมิตรภาคเอกชนอย่าง AUTOBACS และผู้ให้บริการแอปพลิเคชันช่าง (FIXZY, BeNeat, 24FIX, Q-Chang)
สำหรับการให้บริการประชาชน ณ ศูนย์ประสานงาน “คมนาคมร่วมใจช่วยรถน้ำท่วม” ประกอบด้วย
- หน่วยงานกลางประสานงานและบริการข้อมูล: รวบรวมและกระจายข่าวสาร ประสานงานภาคีเครือข่าย
ให้คำแนะนำด้านความปลอดภัย และแจ้งข้อมูลศูนย์บริการรถ
- ตรวจประเมินและซ่อมแซมเบื้องต้น: ให้บริการตรวจประเมินสภาพรถ ให้คำปรึกษา และซ่อมแซมเบื้องต้นโดยมีช่างเทคนิคและทีมบริการจากภาคีเครือข่ายร่วมสนับสนุน
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ กรมการขนส่งทางบกได้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับรองรับรถยนต์ของผู้ประสบภัยให้นำมาจอดพักได้ฟรี ระหว่างรอการดำเนินการ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา แห่งที่ 1 (อ.เมืองสงขลา) รองรับรถยนต์ได้จำนวน 50 คัน และสำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา แห่งที่ 2 (อ.หาดใหญ่) รองรับรถยนต์ได้จำนวน 20 คัน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ประสานงานฯ สายด่วน 1584 หรือ โทร 074 330 251-2 หรือที่ Facebook สำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา
จัดรถรับ-ส่งประชาชน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ฟรี จำนวน 4 เส้นทาง (รถตู้ รถบัสปรับอากาศ)
- ศูนย์พักพิงฯ ม.อ. – สนามบินหาดใหญ่
- ศูนย์พักพิงฯ ม.อ. – สถานีขนส่งฯ (สงขลา)
- ศูนย์พักพิงฯ ม.อ. – สถานีขนส่งฯ (คลองเรียน)
- ศูนย์พักพิงฯ ม.อ. – สถานีขนส่งฯ (ตลาดเกษตร)
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สั่งการให้สถานศึกษาในสังกัดร่วมลงพื้นที่ช่วยประชาชนอย่างเต็มกำลัง โดยนายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้จัดตั้ง “ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center)” เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ซึ่งได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 ให้บริการเวลา 08.00-18.00 น. โดยในพื้นที่จังหวัดสงขลา
ได้เปิดให้บริการแล้ว 6 ศูนย์ และอยู่ระหว่างเปิดอีก 44 ศูนย์ เพื่อให้ได้ 50 ศูนย์ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้ระดมกำลังจากสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั่วประเทศ มีผู้บริหาร
คณะครู บุคลากรอาชีวศึกษา และนักเรียน นักศึกษาอาสาปฏิบัติงานจำนวนกว่า 600 คน โดยศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix it Center กระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ได้แก่ อ.หาดใหญ่ จะนะ นาทวี นาหม่อม เมืองสงขลา สิงหนคร สทิงพระ กระแสสินธุ์ ระโนด และรัตภูมิ โดยมีวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่เป็นหน่วยงานประสานงานหลัก ร่วมกับสถานศึกษาอาชีวศึกษาจากหลายจังหวัด ได้แก่ สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดต่าง ๆ วิทยาลัยเทคนิค และวิทยาลัยการอาชีพในพื้นที่ภาคใต้และภาคกลาง ที่เดินทางมาร่วมปฏิบัติภารกิจ นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชนในจังหวัดอื่น ๆ
ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้คู่ขนานกันไปด้วย
อีกทั้ง ได้เตรียมประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในการเข้าช่วยเหลือโรงเรียนและสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยด้านการทำความสะอาด เคลียร์พื้นที่ การตรวจสอบระบบไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย และครุภัณฑ์การศึกษา เช่น คอมพิวเตอร์ สื่อโสตทัศนูปกรณ์ เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและทั่วถึง
กระทรวงแรงงาน ออก 7 มาตรการฟื้นฟูเร่งด่วน เพื่อช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งการจ้างงาน ฟื้นฟูอาชีพ เยียวยานายจ้าง–ลูกจ้าง และการซ่อมแซมอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ ประกอบด้วย
1. จ้างงานเร่งด่วน วันละ 300 บาท นานไม่เกิน 10 วัน รวม 4,000 คน
2. เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อฟื้นฟูสถานประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ
3. เงินกู้เพื่อใช้ประกอบอาชีพ และปล่อยกู้ให้ลูกจ้างที่ต้องการซ่อมเครื่องมือทำกิน
4. เงินกู้ปรับปรุงความปลอดภัยในงาน สำหรับกิจการที่ได้รับความเสียหาย
5. เงินค่าจ้าง 50% นาน 6 เดือน สำหรับผู้ประสบเหตุตามหลักเกณฑ์
6. เงินค่าทำศพ ผู้ประกันตนมาตรา 33 รายละ 50,000 บาท
7. เปิดศูนย์ซ่อมรถจักรยานยนต์–เครื่องใช้ไฟฟ้า รวม 48 ศูนย์ในพื้นที่ภาคใต้