จับตาเหตุการณ์ ไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมี - รง.กำจัดกากขยะอุตสาหกรรม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง

ไฟไหม้โรงงานสารเคมี จ. ระยอง คาดเหตุเกิดเพราะอากาศร้อนจัด
         (22 เม.ย. 67) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับแจ้งจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติจังหวัดระยอง (ทสจ.ระยอง) ว่ามีเหตุเพลิงไหม้ภายในโกดังเก็บกากสารเคมี บริษัท วิน โพรเสส จำกัด อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งเป็นบริษัทประกอบกิจการเกี่ยวกับขยะรีไซเคิล โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าระงับเหตุ ภายหลังเจ้าหน้าที่โรงงานแจ้งมีบ่อเก็บน้ำมันปนเปื้อน หวั่นไฟลามส่วนอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ โดยโรงงานดังกล่าวเป็นโกดังเก็บถังน้ำมันโซเว่น 20,000 ลิตร บรรจุอยู่ในถัง 200 ลิตร ประมาณ 30,000 ถัง ส่วนสาเหตุเกิดจากความร้อนของอากาศ ทำให้เกิดเพลิงไหม้
ด้านเจ้าหน้าที่โรงงานเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ไม่ได้มีการทำงานหลายวันเนื่องจากหยุดช่วงสงกรานต์ และเปิดทำงานวันนี้เป็นวันแรก โดยได้เข้ามาทำงานเพื่อคัดแยกสารเคมี และวัสดุในโรงงานไปกำจัดตามคำสั่งศาลหลังจากที่โรงงานแห่งนี้หยุดกิจการไปนานแล้ว โดยต้นเพลิงเกิดจากโกดังเก็บสารโซเว่นที่มีอยู่ประมาณ 20,000 ลิตร บรรจุอยู่ในถัง 200 ลิตร ประมาณ 30,000 ถัง ซึ่งสาเหตุคาดว่าเกิดจากความร้อนของอากาศ ช่วงเกิดเหตุได้เห็นกลุ่มควัน ก่อนที่จะระเบิดลุกไหม้อย่างรุนแรงและลามไปติดโกดังเก็บกากของเสีย หวั่นว่าไฟจะลามไปติดอีกโกดังที่เป็นบ่อเก็บกากตะกอนน้ำมันปนเปื้อนซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 บ่อ
จ.ระยอง ตั้งศูนย์บัญชาการเผชิญเหตุ ประกาศเป็นพื้นที่ประสบเหตุอัคคีภัยตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร
        เพื่อให้การเข้าระงับเหตุ และการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้มีการตั้งศูนย์บัญชาการสถานการณ์ขึ้นที่ อบต.บางบุตร โดยมีนายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการสถานการณ์ พร้อมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ที่เกิดเหตุ ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดสามารถควบคุมเพลิงอยู่ในวงจำกัดแล้ว เหลือเพียงกลุ่มควันที่ยังหนาทึบ พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจำนวนมาก
นายกัฬชัย กล่าวว่า สถานการณ์เพลิงไหม้สงบแล้ว สามารถควบคุมได้แล้ว ทั้งนี้ได้มีการประชุมเจ้าหน้าที่เพื่อแบ่งงาน ทั้งการอพยพคน การให้ความช่วยเหลือที่พักชั่วคราว การดูแลสุขภาพ ส่วนการเข้าระงับเหตุได้มีการประเมินสถานการณ์การใช้โฟมฉีดและน้ำ และมีการเตรียมแหล่งน้ำสำรองไว้ด้วย เบื้องต้นได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบเหตุอัคคีภัยตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร และจะมีการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุที่ทำให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านค่าย ได้เตรียมดำเนินการแล้ว นอกจากนี้ยัง เตรียมประกาศพื้นที่บางส่วนของตำบลบางบุตร และตำบลหนองบัว อำเภอบ้านค่าย เป็นพื้นพี่ประสบสาธารณะภัย เพื่อระงับยับยั้งเหตุและให้ความช่วยประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีผู้ประสบภัยบางส่วนเคลื่อนย้ายตนเองไปยังที่พักพิงชั่วคราวของ อบต.บางบุตร และอบต.หนองบัว จำนวนกว่า 50 คน ซึ่งทาง อบต. ร่วมกับกำนัน และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ช่วยกันดูแลให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น

นายกฯ สั่งการผู้ว่าฯ ระยอง ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ เหตุเพลิงไหม้ อ.บ้านค่าย 
        นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประเมินสถานการณ์ วางแผนดับเพลิง และให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้กากสารเคมีอุตสาหกรรม บริเวณ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โดยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือดูแลประชาชนในพื้นที่เป็นอันดับแรก รวมถึงสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของประชาชนด้วย ล่าสุดสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย เนื่องจากไม่สามารถประเมินความอันตรายของสารเคมีภายในโกดังได้ จึงอยู่ระหว่างการวางแผน และประเมินสถานการณ์ เพื่อจะใช้โฟมฉีดดับ รวมทั้งแผนอพยพประชาชนในพื้นที่ศูนย์ควบคุมมลพิษ ตรวจคุณภาพอากาศรอบโรงงาน เบื้องต้นไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

          ศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง ได้ติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศโดยรอบบริเวณพื้นที่โรงงานเบื้องต้นคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานยังไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ มีการตรวจสอบพบไอระเหยสารเคมีเล็กน้อยบริเวณห่างจากโรงงานไปทางด้านทิศเหนือประมาณ 4 กิโลเมตร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้มีการติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และได้มีการแจ้งผลการตรวจสอบให้หน่วยงานท้องถิ่น ได้แก่ อบต.บางบุตร และพื้นที่ข้างเคียงได้รับทราบ เพื่อประสานและแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์จนกว่าเหตุการณ์จะยุติ 
ทั้งนี้ ได้ดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ในการจัดการเหตุฉุกเฉินด้านสารเคมีดังกล่าว โดยให้การสนับสนุนเข้าร่วมตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ตรวจสอบการตกค้างของสารเคมีในสิ่งแวดล้อมและประมวลผลเทียบกับมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตลอดจนแจ้งผลการตรวจสอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแนะนำในการจัดการมลพิษอันเกิดจากเหตุฉุกเฉินสารเคมีและวัตถุอันตราย ซึ่ง มีข้อแนะนำเมื่อเกิดกรณีเพลิงไหม้สารเคมีอันตรายที่มีส่วนผสมและองค์ประกอบที่หลากหลายให้ดำเนินการ ดังนี้

  1.  เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ได้ประเมินเบื้องต้นและพิจารณาอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง หรือพื้นที่อ่อนไหว เช่น ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน วัด ไปยังพื้นที่ปลอดภัย 
  2.  ประชาชน ให้สังเกตุและหลีกเลี่ยงกลุ่มควัน ไม่สัมผัส หรือสูดดมโดยตรง กรณีอพยพไม่ทันให้อยู่ในพื้นที่อาคารมิดชิด และแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือ
  3.  เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่กู้ภัยตอบโต้เหตุฉุกเฉิน สวมใส่ชุดป้องกันอันตรายตามความเหมาะสม

อบต.บางบุตร แจ้งอพยพประชาชนที่อยู่ในรัศมี 1-2 กิโลเมตร ของโรงงานที่เกิดเหตุ 
       องค์การบริหารส่วนตำบลบางบุตร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กแจ้งให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ระยะห่าง 2 กิโลเมตร อพยพเนื่องจากกลุ่มควันกระจายเป็นวงกว้าง โดยมีศูนย์ช่วยเหลือประสานงานอยู่ที่ วัดหนองพะวา และ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางบุตร 
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไฟลามปะทุในช่วงดึก รวมทั้งหากมีสภาพอากาศปิด จึงได้ประสานให้อพยพชาวบ้านที่อยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตร เพิ่มเติม โดยขยายครอบคลุมในพื้นที่ ม.4 และ ม.8 ของ อบต.บางบุตร และมีการจัดเตรียมศูนย์อพยพ 2 จุดที่ อบต.บางบุตร และโรงเรียนตากสิน อบจ.ระยอง คาดว่ามีผู้ต้องอพยพอย่างน้อย 250 ครัวเรือน ราว 500-700 คน ซึ่งบางส่วนไปอยู่กับบ้านพี่น้องในพื้นที่ห่างจากจุดเกิดเหตุได้
สธ. เผย เหตุไฟไหม้ รง. สารเคมี จ.ระยอง พบเจ็บป่วย 2 ราย  อพยพกลุ่มติดเตียง 6 ราย
       นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุไฟไหม้โรงงานเก็บสารเคมีและกากอุตสาหกรรม ในพื้นที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ว่า การดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว มีการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวและจุดปฐมพยาบาล บริเวณวัดหนองพะวา พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย มีอาการแสบตาหลังเข้าไปดับเพลิง และมีผู้ป่วยติดเตียง/ติดบ้าน จำนวน 2 ราย จึงอพยพมายังวัดหนองพะวา ส่วนจุดอพยพที่ อบต.หนองบัว มีประชาชนใน ม.11 อพยพเข้ามาประมาณ 35 ราย พบมีอาการผื่นคันทั่วตัว 1 ราย นำส่งรักษาโรงพยาบาลบ้านค่าย ขณะนี้อาการดีขึ้นแต่ยังให้พักสังเกตอาการที่โรงพยาบาล และมีผู้ป่วยติดเตียง 4 ราย ได้อพยพไปยัง รพ.สต.หัวชวด 1 ราย รพ.สต.หนองกรับ 1 ราย และ รพ.สต.คลองขนุน 2 ราย สำหรับการดูแลด้านสภาพจิตใจ ได้สำรวจผู้ได้รับผลกระทบเชิงรุกผ่านระบบออนไลน์ พบมีอาการวิตกกังวล 3 ราย และอยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจเพิ่มเติม 
 


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar