จับตา 26 มี.ค.รัฐบาลเศรษฐา เปิดตัวเลขเจรจาการค้า-การลงทุน เสริมแกร่งเศรษฐกิจไทย (BOI-ผู้แทนการค้า)

BOI เตรียมแถลง ยกระดับด้านอุตสาหกรรมไทย วันที่ 26 มีนาคมนี้

         นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เรื่องการลงทุนทางทีมงานได้ทำการติดต่อกับบริษัทข้ามชาติหลายบริษัทให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ต้องชี้แจงว่าการลงทุนเป็นแสนล้านหรือล้านล้านนั้น ใช้เวลามากกว่า 7 เดือนที่ผ่านมาในการตกลง และมั่นใจว่าทางประธานผู้แทนการค้าไทยกับทีมงานของเลขาธิการ BOI (สำนักกรรมการส่งเสริมการลงทุน) เตรียมแถลงรายละเอียดในวันที่26 มี.ค. 67 เวลาประมาณ 11.30 น. ซึ่งจะทำให้ทุกคนได้ทราบถึงความก้าวหน้าของการเดินทางไปต่างประเทศ 

         การนำนักลงทุนมายกระดับอุตสาหกรรมไทย จากอุตสาหกรรม Low Profit ให้เป็น High Profit ซึ่งในระยะยาวจะเป็นการยกระดับรายได้ของประชาชนขึ้นมาด้วย 

เปิดตัวเลขเงินลงทุนจากต่างประเทศ ปี 66 สร้างรายได้เข้าไทย 2.2 ล้านล้านบาท

         สำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน (BIO) มีภารกิจในการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ โดยการให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุน การเสริมปัจจัยเกื้อหนุนต่อการลงทุน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศ 

         ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายการทำงานของทีมไทยแลนด์ว่าสิ่งที่ทำให้ “รัฐบาลเศรษฐา” ให้ความสำคัญกับ “การดึงเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เพราะเงินลงทุนเหล่านี้ จะนำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มของประเทศไทย ซื้อวัตถุดิบในไทยเพิ่ม จ้างแรงงานไทยเพิ่ม และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการไทย นำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ 

         รายงานสถิติการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนปี 2566 มูลค่ารวม 663,239 ล้านบาท โครงการเหล่านี้เกิดเป็นรายได้จากการส่งออกเข้าประเทศไทยสูงถึงปีละประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 4 เท่าของมูลค่าที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริม ซึ่งมูลค่าการส่งออกอันดับหนึ่งมาจากอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่ารวม 883,409 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 40 ของรายได้จากการส่งออกของโครงการต่างชาติที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมทั้งหมด รองลงมา คือ อุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และ เทคโนโลยีชีวภาพ มูลค่ารวม  788,019 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 36 ของรายได้จากการส่งออกของโครงการต่างชาติที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมทั้งหมด

แผนการลงทุนเชิงรุก ปี 67 ดึงดูดต่างชาติลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

          คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ด BOI) เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุน ปี 2567 โดยมุ่งเน้นภารกิจ 5 ด้านสำคัญ ประกอบด้วย

1. ส่งเสริมการลงทุนเชิงรุกในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 5 สาขา ได้แก่ BCG ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล และกิจการสำนักงานภูมิภาค จากกลุ่มนักลงทุนประเทศเป้าหมาย เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และยุโรป เป็นต้น

2. ยกระดับสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจ เช่น การส่งเสริมการเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้าสำคัญ ผลักดันการใช้พลังงานสะอาด เป็นต้น

3. ดึงดูดบุคลากรทักษะสูงจากต่างประเทศผ่านมาตรการวีซ่าพำนักระยะยาว (Long-term Resident Visa) และการปรับปรุงศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (One Stop Service)

4. เชื่อมผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น EV และแผ่นวงจรพิมพ์ เป็นต้น

5. สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ประกอบการ เพื่อมุ่งสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ เช่น การใช้เครื่องจักรประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียน และการใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เป็นต้น

ทั้งนี้ มาตรการส่งเสริมการลงทุนดังกล่าว ดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี 

(พ.ศ. 2566 – 2570) เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยสู่ “เศรษฐกิจใหม่” ที่กระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศมากขึ้น พร้อมกันนี้ บอร์ด BOI ยังได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ 4 โครงการในประเทศไทย มูลค่ารวม 29,702 ล้านบาท ได้แก่ 

1) บริษัท เน็กซ์ ดีซี จำกัด ให้บริการ Data Center รายใหญ่ของออสเตรเลีย 

2) บริษัท ซีทีอาร์แอลเอส ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้บริการ Data Center รายใหญ่จากอินเดีย 

3) บริษัท ซิง ต๋า สตีล คอร์ด (ไทยแลนด์) จำกัด ผลิตลวดเหล็กสำหรับอุตสาหกรรม 

4) บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ผลิตไอน้ำโดยใช้เชื้อเพลิงจากขยะ

ม.ค. 67 ต่างชาติลงทุนไทย นำเงินเข้า 7,171 ล้าน จ้างงาน 172 คน

         นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เดือนมกราคมที่ผ่านมา มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 54 ราย เพิ่มขึ้น 4% เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 14 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 40 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 7,171 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จ้างงานคนไทย 172 คน ลดลง 79% 


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar